ดราม่างานวิ่งไม่จบ! หนุ่มเล่านาทีเฉียดตาย น้ำไม่พอกินถึงเข้าไอซียู
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้มหลามกับงานวิ่ง แชริตี้ ชลบุรี มาราธอน 2018 ซึ่งจัดการแข่งขันครบทุกระยะตั้งแต่ 42.195 กิโลเมตร, 21 กิโลเมตร, 10.5 กิโลเมตร และ 5 กิโลเมตร ออกตัวที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา แต่หลังปล่อยให้นักวิ่งต้องลำบากในการดื่มน้ำ และต้องใช้มือรองน้ำกรอกเข้าปากกันเอง ด้านนพ.สุริยา โปร่งน้ำใส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยา ม.บูรพา ได้แถลงข่าวชี้แจง ทางโรงพยาบาลไม่ทราบเลยว่าทางผู้จัดการวิ่งไม่มีความพร้อมในเรื่องการดูแลคนเป็นจำนวนมาก และการจัดการที่ไม่ดีพอไม่เหมาะสมกับการจัดงานวิ่งใหญ่แบบครั้งนี้ ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียให้กับทางโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก จึงขอกราบขออภัยพี่น้องประชาชนที่มาร่วมวิ่งในงานดังกล่าวด้วย ทางโรงพยาบาลไม่มีเจตนาและไม่ทราบว่าคุณสมบัติของผู้จัดไม่พร้อมเสร็จละไม่เหมาะสมกับการจัดงานใหญ่แบบนี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว ดราม่า งานวิ่ง เมืองชลฯ นักวิ่งจวกยับไร้มาตรฐาน-ต้องใช้มือรองน้ำดื่ม
อ่านข่าว จวกอีก งานวิ่งเมืองชล แม่นักวิ่งเผยลูกชายหิวน้ำหนัก พ้อเหมือนพาเขามาทรมาน !!
อ่านข่าว เปิดภาพนักวิ่ง หาน้ำให้วุ่น หลังน้ำไม่พอ ชื่นชมแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวริมทาง ตั้งน้ำให้ดื่มฟรี
อ่านข่าว ตลกดัง จวกยับงานวิ่งชลบุรี ห่วยที่สุดแห่งปี ยอมวิ่งไม่จบ ดีกว่าเสี่ยงตายเพราะขาดน้ำ
อ่านข่าว จวกอีก งานวิ่งเมืองชล แม่นักวิ่งเผยลูกชายหิวน้ำหนัก พ้อเหมือนพาเขามาทรมาน !!
อ่านข่าว เปิดภาพนักวิ่ง หาน้ำให้วุ่น หลังน้ำไม่พอ ชื่นชมแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวริมทาง ตั้งน้ำให้ดื่มฟรี
อ่านข่าว ตลกดัง จวกยับงานวิ่งชลบุรี ห่วยที่สุดแห่งปี ยอมวิ่งไม่จบ ดีกว่าเสี่ยงตายเพราะขาดน้ำ
สำหรับความคืบหน้า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Poon Kub ได้เล่าประสบการณ์วิ่งเฉียดตายในครั้งนี้ โดยระบุว่า “ขอเล่าเรื่องงานมาราธอนแรกของผมครับ #CharityChonburiMarathon #ดราม่ามาราธอน สำหรับระยะมาราธอน 42.195 ก.ม. ออกสตาร์ทช่วง 10 โลแรกพอจะมีน้ำบ้าง ออกสตาร์ทมาดีเพซ 5 แต่ก็ค่อยๆ ลดมาเรื่อยๆ มาอยู่ 6 ปลายๆ 7ต้นๆ (มีแวะเข้าห้องน้ำทีสน.แสนสุขหนึ่งรอบ) แต่พอถึงจุดกลับตัว ม.บูรพา (น่าจะกิโลที่ 13) น้ำไม่มี (น้ำหมดครับ) พอรับสายรัดข้อมือมา วนกลับมาสักพักกว่าจะเจอจุดน้ำ”
“ขาวนกลับวิ่งมาใกล้ที่จุดกางเต็นท์ (ประมาณโลที่ 23) ก็ไม่มีน้ำ ผมต้องฝืนเลยไปอีกซักพักไปเจอเต็นท์คนงานก่อสร้าง ในใจคือไม่ไหวแล้ว จึงเอ่ยปากขอน้ำกับคนงานว่า พี่ครับผมขอทานน้ำนิดนึงได้ไหมครับ พี่ผู้หญิงเลยไปหยิบกระติกส่วนตัวมาให้กิน ผมนี่ยกมือไหว้งามๆๆๆเลยคร้าบ คราวนี้พอเลยมาจะขึ้นสะพาน ตรงนี้เริ่มมีคนวิ่งสวน จากระยะอื่น 10 โล 21 โล ทุกคนจะตะโกนว่าข้างหน้าไม่มีน้ำนะ ให้ซื้อติดไปด้วย ผมก็มองหาแต่ขายหมดแล้ว ขนาดมะพร้าวเป็นลูกก็ผ่าขายหมดแล้ว (คิดในใจ กูจะไปยังไงวะ เอ้า!!!ไปเถอะ คงไม่ตายมั้ง) ระหว่างที่วิ่งสวนมานั้น เหมือนมีพระเจ้ามาโปรด มีพี่ผู้ชายคนนึงสวนมาเอาขวดเปล่ามายื่นใส่มือ บอกน้อง อย่าทิ้งเด็ดขาด กำชับๆ ก็เลยยังดีได้เติมน้ำถือไปน่าจะแถว (กิโลที่ 25)”
“คราวนี้พอขึ้นสะพานเลียบทะเลไป คราวนี้เริ่มมาทั้งแดดที่แรงขึ้น แถมไม่มีจุดน้ำหรือพักหลบแดดเลย ยาวไปจนถึงจุดกลับตัวสุดท้ายสุดสะพานประมาณกิโลที่ 34 มีน้ำแดง (สีแดง แต่ไม่มีความหวาน น่าจะเจือจางมากครับ55) แต่ที่สำคัญคือไม่มีสายรัดข้อ (หมดค่ะ) (ในใจคิดนี่ผมจะวิ่งมากลับตัวตรงนี้ทำไมวะเนี่ย) พอกลับตัวสุดท้าย แม้ไม่มีสายรัดข้อมือ แต่ก็เหลือแค่เดินกลับอีกนิดเดียวเท่านั้น ใจคิดว่าเหลืออีกนิดเดียว ก็เลยฝืนมาได้อีกเกือบกิโล ใจจะขอพักหน่อยนึง แต่พอนั่งเท่านั้นล่ะ ตะคริวมาท้อง มาหลัง มาน่อง มาต้นขา คิดในใจแย่ละ กลัวมันจะลามมาที่หัวใจ (ไม่รู้ทางการแพทย์ มันจะลามมาได้หรือเปล่านะ) แต่ยอมรับว่ากลัว เพราะมันมาทีละจุด จะครบทั่วร่างละ พี่คนที่ยืนตรงนั้นก็วิ่งมาช่วย เอาน้ำมาราดตัว แล้วเรียกรถพยาบาลมารับ”
“รถก็วิ่งกลับมาเต็นท์เส้นชัย ระหว่างนั่งมาในรถก็ดีขึ้น พอมาถึงเส้นชัยนั่งซักพัก กะจะเดินกลับโรงแรม ตอนนั้นยังไม่กล้าโทรบอกใคร ไม่อยากให้เป็นห่วง แต่นั่งซักแป๊บเดียว ตะคริวก็มาอีก ก็เลยคิดว่าไม่ไหวแน่นอน จนสุดท้ายให้มาส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี พอคุณหมอตรวจก็พบว่าค่าไตสูงผิดปกติถึง 2.4 (คนปกติอยู่ที่0.5) เลยต้องขอให้อยู่ในห้อง ICU รอดูอาการกลัวไตวายเฉียบพลัน”
“ผมตั้งใจจะบอกว่าการจัดงานควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมแข่งขันให้มากๆๆครับ มันอันตรายถึงชีวิตครับ ผมเองศึกษาจากเส้นทางการวิ่งมาดีพอสมควร วางแผนจุดรับน้ำ จุดพยาบาล จุดอาหาร แต่ถ้าทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแผน พวกพี่ก็ควรหาแผนฉุกเฉินเตรียมป้องกันไว้ด้วยครับ (คนมาวิ่งเป็นหมื่นคน รายได้จากค่าสมัคร กับค่าใช้จ่ายในการเตรียมงาน ถ้าไม่รวมค่าตัวศิลปิน นักร้อง มันควรจะต้องสอดคล้องกันครับ คิดก่อนและจัดลำดับความสำคัญให้ถูกว่าความปลอดภัยกับความบันเทิงมันสมเหตุสมผลกันไหม)”
ขอบคุณที่มา Poon Kub
No comments:
Post a Comment